วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บล็อก

ส่งงานวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี 4 







   
 ส่งคุณครูณัฐพล ฮวดสุนทร


จัดทำโดย
1.เด็กชายรชต เอี่ยมตระบุตร    เลขที่ประจำตัว 27743         
2.เด็กหญิงเจนจิรา นาราศรี       เลขที่ประจำตัว 27749
3.เด็กหญิงทัศนีย์ เจริญสุข        เลขที่ประจำตัว 27757  
4.เด็กหญิงพนัชกร ชมพูคำ       เลขที่ประจำตัว 27759  

Tangled


ราพันเซล (เยอรมันRapunzel) คือเทพนิยายเยอรมัน ได้ถูกเก็บรวบรวมโดยพี่น้องตระกูลกริมม์ ลงพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2355[1] ราพันเซลเป็นหนึ่งในเทพนิยายที่มีชื่อเสียง และเนื่อเรื่องได้ถูกการนำไปใช้ในการแสดงโดยนักวาดการ์ตูน และนักแสดงตลกมากมาย

กอเธลลักพาตัวราพันเซลไปซ่อนไว้ในหอคอยสูงกลางป่า แล้วเลี้ยงดูประดุจบุตรในอุทร เพื่อใช้ผมของราพันเซลช่วยให้นางคงความเยาว์วัยและสวยสด นางทราบดีว่า ถ้าตัดผมของราพันเซลออก ผมนั้นจะเสื่อมสรรพคุณ ดังนั้น นางจึงปล่อยให้เกศาของราพันเซลยาวโดยมิได้ตัดเลย และมิให้ราพันเซลออกนอกหอคอยเลย ทั้งนี้ ทุก ๆ ปี ในวันคล้ายวันประสูติของราพันเซล พระราชาและราษฎรของพระองค์จะปล่อยโคมลอยนับแสนดวงขึ้นสู่ฟ้า พวกเขาหวังว่าโคมลอยจะนำพาพระธิดาของพวกเขากลับมาอีกครั้ง เช้าวันหนึ่งเมื่อกอเธลกลับมา ราพันเซลขอให้นางไปเก็บเปลือกหอยมาให้เป็นของขวัญวันเกิดกอเธลยอมใช้เวลาเดินทางสามวันไปเอาของขวัญมาให้ ระหว่างนั้น ราพันเซลตกลงกับฟลินว่า ให้พาเธอออกไปนอกหอคอย เพื่อไปชมดูเหล่าโคมลอย ที่เธอเข้าใจว่าเป็น "หมู่ดาว"ระหว่างเดินทาง กอเธลพบม้าแม็กซิมัสที่ไม่มีคนขี่ และเกิดกังวลขึ้นมาว่าจะมีคนไปพบราพันเซลขึ้น เธอรีบกลีบไปยังหอคอย แต่พบว่าราพันเซลไม่อยู่แล้ว ฟลินพาราพัลเซลหนีไปได้ พอไม่นานราพัลเซลก็ถูกกอเธลจับตัวไปเมื่อฟลินมาถึงหอคอย กอเธลแทงเขาจากข้างหลัง ก่อนราพันเซลจะได้ช่วยฟลิน ฟลินคว้าเศษกระจกมาตัดผมของราพันเซล เกศาของราพันเซลจึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มและสูญเสียสรรพคุณไป กอเธลบันดาลโทสะและร่างกายนางก็เปลี่ยนกลับสู่ความชราอย่างรวดเร็ว จนนางมิอาจยอมรับเงาของตนในกระจกได้ และใช้ผ้าคลุมปิดหน้าตนเองไว้ ด้วยความโกรธและตระหนก นางสะดุดพุ่งออกจากประตูหอคอย ดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่าง ร่างกายของนางก็ร่วงโรยขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนนางจะปะทะกับพื้นแล้วป่นเป็นเถ้ากระดูกไป ฟลินค่อย ๆ ตายลงในอ้อมแขนของราพันเซล ด้วยความเสียใจ ราพันเซลร้องไห้และร้องเพลงมนต์ หยาดน้ำตาของเธอหยดลงบนแก้มของฟลินและยังให้เขาฟื้นจากความตายอีกครั้ง

ทั้งสองกอดและจูบกัน แล้วพากันกลับอาณาจักร พระหทัยของราชาและราชินีนั้นล้นไปด้วยน้ำตาของความปีติที่ได้พบพระธิดาอีกครั้ง หลายปีต่อมา ฟลินและราพันเซลได้สมรสกัน






วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หน่วยที่ 2

ลักษณะของปัญหาในชีวิตประจำวัน
ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรานั้นทุกคนต้องเคยพบกับปัญหาต่างๆมากมาย เมื่อมีปัญหาแล้วแต่ละคนก็จะมีวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป หากเรานำวิธีการเหล่านั้นมาวิเคราะห์จะสามารถสรุปเป็นทฤษฎีได้ ดังนี้
1. การลองผิดลองถูก
2.การใช้เหตุผลประกอบการแก้ปัญหา
3.วิธีขจัด
4.การใช้ตารางหาความสัมพันธ์ของข้อมูล

กระบวนการแก้ปัญหา



1.วิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา 
2.การวางแผนในการแก้ปัญหา 
3.การดำเนินการแก้ปัญหา
4.การตรวจสอบและปรับปรุง

การจำลองความคิด

1.ข้อความหรือคำบรรยาย เป็นการเขียนเค้าโครงด้วยการบรรยายเป็นภาษามนุษย์ แต่บางครั้งอาจใช้ภาษาของโปรแกรม ซึ่งเรียกว่า รหัสเทียม (Pseudo code)




2.สัญลักษณ์ (Flow chart)




การเขียนโปรแกรม

การเขียนโปรแกรม หมายถึง กระบวนการใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อกำหนดโครงสร้างของข้อมูล โดยอาศัยหลักเกณฑ์การเขียนโปรแกรมของแต่ละภาษา แต่ทุกภาษาจะมีโครงสร้างควบคุม 3 แบบ

1.โครงสร้างแบบลำดับ (Repetition structure)





2.โครงสร้างแบบทางเลือก (Selection structure)



3.โครงสร้างแบบทำซ้ำ (Repetition structure) 




3.1โครงสร้างแบบทำซ้ำ (Do while) 



3.2โครงสร้างแบบทำซ้ำ (Do until)







วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หน่วยที่ 1

ความหมายของการสื่อสารข้อมูล 

การสื่อสารข้อมูล ( Data communication )

คือกระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้รับกับผู้ส่ง โดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์ เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดความเข้าใจกัน



เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ( computer network )

การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ตั้งเเต่ 2 เครื่องเป็นต้นไป เพื่อติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ผ่านช่องการการสื่อสาร ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและใช้ทรัพยาการร่วมกันได้ 

การสื่อสารข้อมูลที่มีประสิทภาพนั้นต้องมีองค์ประกอบ 5 ประการ
1. ผู้ส่งข้อมูล ( sender ) ส่วนที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลไปยังจุดหมาย อาจจะเป็นคนหรืออุปกรณ์ก็ได้
2. ผู้รับข้อมูล ( Receiver ) ส่วนที่ทำหน้าที่รับข้อมูลที่ถูกส่งมา เพื่อให้การติดต่อสื่อสารนั้นบรรลุวัตถุประสงค์ อาจเป็นคนหรืออุปกรณ์ก็ได้
3. สื่อกลาง ( Medium )  สิ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการขนถ่ายข้อมูลจากผู้ส่งข้อมูลไปยังผู้รับข้อมูล เช่น สายเคเบิล 
4. ข้อมูล ( Data ) ข้อมูลที่ผู้ส่งข้อมูลต้องการส่งไปยังผู้รับข้อมูล เช่น ข้อความเสียง
5. โปรโตคอล ( protocol ) กฎหรือวิธีที่กำหนดขึ้นเพื่อการสือสารข้อมูล เช่น ภาษา 

พัฒนาการของการสื่อสารข้อมูล

1.การสื่อสารในยุดเกษตร ส่วนใหญ่การสื่อสารในยุคนี้จะสื่อสารกันด้วยการเขียนภาพเหมือน แล้วพัฒนากลายมาเป็นอักษร จนสามารถมีการค้นพบการพิมพ์ ยิ่งเป็นการช่วยให้เกิดการบันทึกมากยิ่งขึ้น
2.การสื่อสารในยุคอุตสาหกรรม การสื่อสารในยุคนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น ตามสภาพของสังคม ในยุคนี้พัฒนาการของเครื่องมือการสื่อสาร ไฟฟ้า โทรเลข วิทยุ โทรทัศน์ และความก้าวหน้าทางการพิมพ์รวมไปถึงการส่งเสริมการสื่อสารแบบมวลชนด้วย
3.การสื่อสารในยุคปัจจุบัน การสื่อสารในยุคปัจจุบันนนี้ถือได้ว่ามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สูงมาก ทำให้การสื่อสารกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระดับชุมชน ประเทศ หรือระดับโลก ตลอดจนในปัจจุบันนี้มีเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ 

รูปแบบของการส่งสัญญาณข้อมูล

1. การสื่อสารแบบทิศทางเดียว ( Simplex ) การสื่อสารแบบผุ้ส่งทำหน้าที่ส่งเพียงอย่างเดียว ผู้รับทำหน้าที่รับเพียงอย่างเดียว เช่น การฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ 



2. การสื่อสารแบบกึ่งสองทิสทาง ( Half - Duplex ) เป็นการสื่อสารข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยแต่ละฝ่ายสามารถเป็นทั้งผู้รับและผู้ส่งข้อมูลได้ แต่ต้องสลับกัน ไม่สามารถเป็นในเวลาเดียวกันได้ เช่น
การใช้วิทยุสื่อสาร 

3. การสื่อสารแบบสองทิศทาง ( Full - Duplex ) การสื่อสารที่ผู้รับและผู้ส่งสามารถ เป็นผู้ส่งข้อมูลและรับข้อมูลได้ในเวลาเดียวกัน เช่น การสื่อสารโดยใช้โทรศัพท์




สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล

1. สื่อกลางประเภทสายสัญญาณ ( Wired media ) ใช้ในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างอุปกรณ์กับอุปกรณ์ที่มีระยะห่างกันไม่มากนัก

1.1 สายคู่บิดเกลียว ( twisted pair ) 

สายคู่บิดเกลียวชนิดหุ้มฉนวน ( stp )

1.2 สายโคแอกเชียล ( coaxical cable ) 


สายโคแอกเชียล

1.3 สายใยแก้วนำแสง ( fiber optic )



2. สื่อกลางประเภทไร้สาย ( Wireless madia ) เป็นสื่อกลางที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลด้วยการแพร่สัญญาณ ไปในอากาศ

2.1 สัญญาณไมโครเวฟ


 สัญญาณไมโครเวฟ


 2.1 ดาวเทียม ( Satellite system )





ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

1.เครือข่ายระดับท้องถิ่นหรือเครือข่ายแลน  (Local Area Network : LAN ) ใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายระยะใกล้ เช่น ภายในอาคาร






2.เครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network : MAN ) เป็นการเชื่อมต่อระหว่างกันการภายในมหานคร




3. เครือข่ายระยะไกลหรือเครือข่ายเเวน  ( Wide  Area  Natwork : WAN )  เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงในระยะไกล เช่น ระดับจังหวัด  ระหว่างประเทศ






อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์

1. การ์ดแลนหรือ นิก ( Network Interface Card : NIC )  ทำหน้าที่เเปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ส่งไปยังสายสัญญาณ





2. ฮับ ( Hub )   เป็นอุปกรณ์รวมสัญญาณที่มาจากอุปกรณ์รับส่งหลายๆ สถานีเข้าด้วยกันเป็นอุปกรณ์ทวนและขยายสัญญาณ  เพื่อส่งไปยังอุปกรณ์อื่น การติดตั้งจึงทำได้ง่าย ข้อเสียคือ ความเร็วในการส่งข้อมูล,จะลดลงเมื่อมีคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อมากขึ้น





3. สวิตช์ฮับ  ( Switch Hub )    ทำหน้าที่เช่นเดียวกับฮับ แต่จะส่งข้อมุลจากสถานีตัวหนึ่งจะไม่กระจายไป ทุกสถานี




4. เราเตอร์ ( Router )    ทำงานคล้ายสวิตช์


5.โมเด็ม (Modulator Demodulator : Modem)




6.บริดจ์ (Bridge)





7.เกตเวย์ (Gateway)




โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์

1.โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบดาว (Star Topology)


2.โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบบัส (Bus Topology)



3.โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบวงแหวน (Ring Topology)



4.โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบผสม (Hybrid topology)




ประโยชน์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์


1.การใช้ฐานข้อมูลร่วมกัน
2.การแบ่งบันทรัพยากรในเครือข่าย
3.สำนักงานอัตโนมัติ
4.การติดต่อสื่อสารระหว่างกันบนเครือข่าย